อีกหนึ่งค่ายรถสปอร์ตสุดหรูที่ในปี 2023 นี้ ได้ส่งตัวใหม่มาลงสนามในตลาดยานยนต์อีกครั้ง Ferrari ที่บอกเลยว่าตอนนี้ได้ทำการปล่อยออกมาแล้วกับคันล่าสุดแห่งปีถึง 2 รุ่นด้วยกัน กับ Ferrari Purosangue 2023 และ 2023 Ferrari 296 GTS แต่ละตัวก็มีจุดเด่นแตกต่างกัน อัพเกรดจากตัวรุ่นเก่าให้มีความน่าใช้งานมากยิ่งขึ้น มาดูกันดีกว่าว่าทั้งสองรุ่นนี้จะมีจุดเด่นและน่าสนใจอย่างไรกันบ้าง
Ferrari Purosangue 2023
Ferrari เปิดตัว SUV ครั้งแรกของค่ายซูเปอร์คาร์แบรนด์ดังจากอิตาลี หลังจากปฏิเสธมานานกว่าหลายสิบปี Ferrari ต้องยอมรับกับแรงกดดันจากลูกค้าที่เรียกร้องให้มี โดยจะเข้าสู่ตลาดแข่งขันตรงกับ Lamborghini Urus และรุ่นสูงสุดของ SUV อื่นๆ มากมาย โดยในการเปิดตัว Ferrari Purosangue ผู้บริหารได้กล่าวอีกว่าเป็นรถสปอร์ตที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว มีความโดดเด่นและไม่เหมือนใครเพราะยังเน้นในด้านการเป็นรถสปอร์ตจัดเต็มกว่า
นี่คือรถ SUV สปอร์ตไสตล์ครอบครัว โดดเด่นด้วยประตูแบบบานพับโปร่งโล่งด้วยหลังคาคาร์บอนไฟเบอร์ที่มากับกระจกซันรูฟ ตัวรถขนาด 4,973 มม. กว้าง 2,028 มม. สูง 1,589 มม ฐานล้อกว้าง 3,018 มม. รถมีพื้นที่เก็บสัมภาระที่กว้างขึ้น พร้อมเบาะหลังที่สามารถพับได้ เซ็นเตอร์ของรถมาพร้อมกับเบาะนั่งบัคเก็ตซีท 4 ที่นั่ง มีหน้าจอใหญ่สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า แรงขับที่สูงที่สุด 714 แรงม้า เครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.5 ลิตร เร่งรอบเครื่องสูงสุดได้ที่ 8,250 รอบต่อนาที ระบบเกียร์ Dual Clutch 8 สปีดและระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ช่วยให้รถสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.3 วินาที และความเร็วสูงสุดของรถอยู่ที่ 310 กม./ชม. ราคาอยู่ที่ 399,000 ยูโร หรือราว 14,733,000 บาท นับว่าเป็นรุ่นที่แพงที่สุดอันดับสองของเฟอรารี่เลยทีเดียว
2023 Ferrari 296 GTS
ถัดมาอีกตัวในปี 2023 กับ Ferrari 296 GTS ที่มาด้วยดีไซน์ทรงสปอร์ตปลั๊ก-อิน ไฮบริด อัพเกรดมาจากตัวรุ่นก่อน Ferrari 296 GTB ทั้งหลังคาไฟฟ้าแบบแยกเป็น 2 ส่วน แต่น้ำหนักที่เพิ่มขึ้น 70 กก. จากเดิมกลายเป็น 1,540 กก. ส่วนเครื่องยนต์เป็นเบนซิน V6 แบบบล็อคเดิมอัดความจุ 3.0 ลิตร พร้อมอากาศแบบทวิน-เทอร์โบชาร์จ เครื่องยนต์กำลังสูงสุดถึง 663 แรงม้า กับมอเตอร์ไฟฟ้าเดี่ยว Axial flux motor กำลังส่งเกียร์ดูอัลคลัทช์ 8 จังหวะ เสริมด้วย Motor Generator Unit-Kinetic เทคโนโลยีแบบเดียวกับรถ Formular 1 กำลังรวมได้ 830 แรงม้า
ด้านอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใช้เวลาเพียง 2.9 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใช้เวลา 7.6 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ 330 กม./ชม. โหมดไฟฟ้าวิ่งได้ประมาณ 25 กม. และความเร็วสูงสุดที่ 135 กม./ชม. ฟังก์ชั่นโหมดการขับขี่ที่เลือกได้ระหว่าง eDrive ที่ใช้ไฟฟ้าล้วน หรือ Hybrid และ Performance ที่ใช้เครื่องยนต์ทำงานเต็มระบบ เหมาะสำหรับแบบสปอร์ต และโหมด Qualify ที่เปิดประสิทธิภาพสูงสุด สำหรับด้านราคาจะอยู่ที่ประมาณ 376,000 ยูโร หรือ 13.6 ล้านบาท
รอติดตามกระแสตอบรับจากผู้ใช้งานและผู้ที่สนใจ
ทั้งหมดนี้ก็เป็นรถสปอร์ตหรูจาก Ferrari ในปี 2023 ที่ให้คนทั้งโลกได้จับจองกัน เรียกได้ว่าเป็นทั้งรุ่นที่พัฒนามาจากตัวเก่าให้มีออฟชั่นเสริมน่าใช้งานมากขึ้น และทั้งตัวที่ทาง Ferrari เปิดใจผลิตรถรุ่น SUV เป็นครั้งแรก ก็ต้องมาตามรอดูกันว่าจะมีฟีดแบ็คกระแสตอบรับกลับอย่างไรบ้าง จะสามารถสู้ SUV จากค่ายกระทิงดุที่ครองตลาดตอนนี้ได้อยู่หรือไม่ก็ต้องรอติดตามกันต่อไป