กระแสรถยนต์ไฟฟ้ากำลังมาแรง ทาง มินิ ก็ได้พัฒนาตัวถังรุ่น Mini F56 ให้เป็นไฟฟ้า กับ Mini Cooper SE 2023 ตัวนี้ที่ไม่เพียงแต่ประหยัดน้ำมันเท่านั้น แต่ยังช่วยรักษ์โลกและสิ่งแวดล้อมได้อีกด้วย แถมยังคงรักษาความเป็นมินิเอ็นเอดังเดิมที่มาจากรถโกคาร์ท ซึ่งทำให้ทุกรุ่นของมินิมีความสนุกในการขับขี่ได้ เรามาดูความน่าสนใจของมินิตัวใหม่ในปี 2023 ตัวนี้กันเลยดีกว่า
ทำความรู้จัก Mini-Cooper SE 2023
Mini Cooper SE 2023 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า 100% ซึ่งไม่ได้ถูกออกแบบเป็นพิเศษตั้งแต่แรกเพื่อเป็นรถไฟฟ้า แต่ใช้ตัวถังเดียวกับรุ่นเครื่องยนต์ในรหัส F56 จึงเห็นได้จากภายนอกว่ามีรูปทรงที่เหมือนกัน การวางตำแหน่งแบตเตอรี่ในรถนั้นอยู่ที่พื้นแบบรูปตัว T ซึ่งทำให้ไม่เสียพื้นที่ใช้งานและมีจุดศูนย์ถ่วงที่ดี จึงมองเห็นว่าการทรงตัวไม่มีความแตกต่างจากรุ่นเครื่องยนต์ตัวก่อนหน้าเลยทีเดียว
นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าที่ให้กำลังสูงสุดถึง 184 แรงม้าและแรงบิด 270 นิวตันเมตร เครื่องยนต์ขับเคลื่อนล้อหน้า และมีแบตเตอรี่ Lithium-ion ขนาด 32.6 kWh ที่ให้ระยะทางวิ่งสูงสุดถึง 217 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ตามมาตรฐาน NEDC และความเร็วสูงสุดที่ 150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนระยะเวลาในการชาร์จจาก 0-80% ถ้าเป็น AC Home Socket ใช้เวลา 12 ชั่วโมง AC Wallbox 7.4 kW ใช้เวลา 3 ชั่วโมง 12 นาที และ DC Charge 50 kW ใช้เวลาเพียง 36 นาที
จุดเด่นในการอัพเกรดของรุ่นปี 2023
Mini Cooper SE ของปี 2023 ถือว่ามีการปรับปรุงอัพเกรดทั้งภายนอกและภายใน เพื่อเสริมความโดดเด่นของรถรุ่นนี้ โดยภายนอกมีการเปลี่ยนแปลงสีจากสีเงินโครเมี่ยมเป็นสีดำ กรอบไฟหน้า-หลังสีดำ ขอบกระจังหน้าสีดำ มือเปิดประตูสีดำ และโลโก้ Mini สีดำ เป็นต้น
ตัวกล้องที่ติดอยู่ด้านบนของกระจกหน้าจะรับหน้าที่ในระบบความปลอดภัยอย่างการจับเส้นเลนบนถนน ซึ่งเมื่อขับออกนอกเลนพวงมาลัยกล้องจะตรวจจับและดึงรถกลับเข้าเลนอัตโนมัติ รถยนต์ยังมาพร้อมเซ็นเซอร์หน้า 4 จุดและหลัง 4 จุด เมื่อมองด้านล่างของฝากระโปรงจะเห็นลอดเป็นช่องรับอากาศ แต่ในความเป็นจริงช่องนี้ถูกปิดอย่างแน่นหนา
ด้านพื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลังมีความจุที่ 211 ลิตร แต่เมื่อพับเบาะลงความจุจะเพิ่มขึ้นเป็น 731 ลิตร มากับล้อขนาด 17 นิ้วรุ่น Electric Power Spoke 2-tone พร้อมยางแฟลตขนาด 205/45R17 มีดีไซน์ที่น่าสนใจ สำหรับระยะทางการขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า Mini Cooper SE จะสามารถวิ่งได้ไกลกว่ารถยนต์ไฟฟ้ารุ่นอื่น ๆ ที่มีล้อลายนี้ที่สามารถวิ่งได้ระยะทางที่ไกลยิ่งขึ้น
ส่วนที่นำออกจากตัวเก่าและเพิ่มฟีเจอร์ใหม่แทน
ภายในของ Mini Cooper SE ตัวนี้มีการตัดออฟชั่นในบางอย่างออกไป ตัวอย่างเช่น การชาร์จแบบไร้สาย ไม่มีหน้าจอ Head Up Display Pop-Up และเปลี่ยนแปลงที่ช่องจ่ายไฟ USB ระบบหลังคาซันลูปจะเป็นแบบ 2 ตอนที่สามารถเปิด-ปิดได้แค่ฝั่งหน้า ในส่วนของเบาะนั่งมีดีไซน์สปอร์ตแบบปรับแมนนวลมือที่มาพร้อมตัวดันหลังและระบบอุ่นเบาะร้อน และมีปีกเบาะด้านข้างยื่นออกมาเพื่อรองรับการกางเท้าอีกด้วย
จอเครื่องเล่นรองรับ Apple CarPlay สามารถใช้งานไร้สายได้เมื่ออยู่ในตำแหน่งเกียร์ถอย และเมื่อถอยเบรคกล้องจะแสดงภาพด้านหลังเพื่อช่วยในการจอดถอย ภาพคมชัดทั้งกลางวันและกลางคืน นอกจากนี้ยังแสดงสถานะของเซ็นเซอร์หน้าและหลัง ซึ่งหากเคลื่อนรถใกล้สิ่งกีดขวางจะมีเสียงเตือนเพื่อแจ้งให้ผู้ขับขี่รับรู้
โหมดการขับขี่ที่น่าสนใจของมินิ เอสอี 2023
ในเรื่องของอัตราเร่งนั้นความเร็วมากับความเงียบและไร้แรงหน่วง เหยียบคันเร่งเบาก็พุ่งไปได้อย่างรวดเร็ว โดยความเร็วที่คงที่อยู่ที่ระดับ 150-153 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ไม่ว่าจะอยู่ในโหมดการขับขี่ใดก็สามารถเร่งความเร็วได้ถึงขีดสูงสุดของรถ แต่ละโหมดให้ความรู้สึกต่างกันดังนี้
- Green+ Mode : เป็นโหมดที่ประหยัดพลังงานแบบสูงสุด ระบบคอมแอร์จะถูกปิดการทำงานเพื่อลดการใช้พลังงานเครื่องยนต์ โหมดนี้สามารถวิ่งได้ระยะทางที่ไกลกว่าโหมดอื่น โดยเหมาะสถานการณ์ที่ต้องประหยัดพลังงานในแบตเตอรี่ เมื่อเร่งความเร็วในโหมดนี้ ความตอบสนองของรถจะมีความหน่วงเล็กน้อย
- Green Mode : โหมดที่ประหยัดพลังงานเริ่มต้น ระบบคอมแอร์จะทำงานเพื่อให้ความเย็นตอบสนองของรถในโหมดนี้คล้ายกับโหมด Green+ แต่จะมีระยะทางการวิ่งที่น้อยกว่า
- Mid Mode : โหมดปกติที่ใช้ในการขับรถทุกครั้งที่เริ่มสตาร์ทเครื่อง สามารถเร่งความเร็วได้เร็วแบบทันทีโดยไม่มีความหน่วงใดๆ ซึ่งเหมาะสำหรับการขับรถในเมืองและนอกเมือง เนื่องจากความตอบสนองของรถมีความดีมาก
- Sport Mode : โหมดที่มีแรงม้ามากที่สุดของรุ่นนี้ ความเร็วในการเร่งจะไวกว่าโหมด Mid เหยียบเร่งคันเร่งเบารถจะพุ่งทันที เป็นโหมดที่ให้ความสนุกในการขับขี่ แต่อัตราสิ้นเปลืองพลังงานจะมากกว่าในโหมดอื่น
Mini Cooper SE น่าใช้งานมากน้อยแค่ไหน
Mini Cooper SE ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในปี 2023 หากคุณมองหารถยนต์ไฟฟ้าที่มีดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์และมีประสิทธิภาพขับขี่ที่ดี ถึงแม้ว่าความจุแบตเตอรี่ของ Mini Cooper SE จะน้อยกว่าบางรถยนต์ไฟฟ้าค่ายอื่นๆ แต่ก็ยังคงเป็นรถที่ให้ความรู้สึกสนุกในการขับขี่ได้อย่างไม่ต่างกับรุ่นเครื่องยนต์เลยทีเดียว
สำหรับราคา Mini Cooper SE 2023 มีราคาเริ่มต้นที่ 2,459,000 บาท หากคุณใช้รถไม่เกินระยะทาง 190 กิโลเมตรในหนึ่งวันและใช้งานในเมืองเป็นหลัก คันนี้ก็ถือว่าตอบโจทย์และเป็นตัวเลือกที่ดีมากๆ ในการประหยักค่าน้ำมันเชื้อเพลิง แต่หากต้องใช้งานมากกว่าอย่างการการเดินทางไกลบ่อยๆ หรือบริเวณที่ไม่มีสถานีชาร์จไฟสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ก็อาจไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไร เพราะรุ่นนี้ใช้แบบชาร์จไฟฟ้า 100%